เป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่าการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นรวดเร็วอย่างเห็นได้ชัดจนกลายเป็นอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงที่กระจายอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพาะเลี้ยงปลานิลซึ่งเป็นที่น่าสนใจอันดับต้น ๆ ของโลก โดยปลานิลเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี ราคาไม่แพง และหาซื้อง่าย จึงเป็นผลผลิตที่สามารถรองรับจำนวนประชากรโลกที่กำลังเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปี 2050 จำนวนประชากรโลกอาจเพิ่มสูงถึง 9,000 ล้านคน อย่างไรก็ตามในการเพาะเลี้ยงยังมีอุปสรรคและปัญหาหลักตามมา คือ “โรคสัตว์น้ำ” ซึ่งสัตว์น้ำไวต่อการติดเชื้อและเกิดโรคระบาดที่รุนแรงในระบบการเลี้ยง ซึ่งปัญหาเหล่านี้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมาก
โรคสัตว์น้ำคืออะไร ?
โรค คือ ความผิดปกติบางอย่างที่ส่งผลต่อโครงสร้างและการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายของสิ่งมีชีวิตทั้งคนและสัตว์ สภาวะของการเกิดโรคมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยไม่เพียงแต่เชื้อก่อโรคยังรวมถึงพันธุกรรม สภาพแวดล้อม และการจัดการในบ่อเลี้ยงที่ไม่เหมาะสม หรือกระทั่งการขาดสารอาหาร เป็นต้น โรคที่เป็นอุปสรรคต่อการเลี้ยงปลานิล ได้แก่ โรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส เชื้อรา หรือปรสิตเป็นส่วนใหญ่
โดยปลาอาศัยอยู่ในน้ำจะรับสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ในแหล่งน้ำตลอดเวลาจึงมีโอกาสที่ปลาจะเกิดการติดเชื้อ ซึ่งการติดเชื้อแบคทีเรียในปลาโดยทั่วไปมีอยู่ 2 แบบ คือ เชื้อก่อโรคที่แท้จริง (true pathogen) เป็นเชื้อที่เฉพาะเจาะจงต่อปลาแต่ละสายพันธุ์ ซึ่งมักเกิดขึ้นในปลาที่อ่อนแอ และเชื้อก่อโรคแบบฉวยโอกาส (opportunistic pathogen) มักเกิดในปลาที่มีระบบภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ปลาที่มีการติดเชื้อปรสิตมาก่อนและไม่สามารถกำจัดปรสิตออกไปได้ทำให้เชื้อแบคทีเรียกลุ่มนี้ฉวยโอกาสเข้ารุกรานปลาที่กำลังอ่อนแอได้
ปัจจัยการก่อโรค
การเกิดโรคในปลานิลมีปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้องอยู่ 3 ประการ ดังนี้ 1) ปลา 2) เชื้อก่อโรค 3) สิ่งแวดล้อม (ภาพที่ 1) ในธรรมชาติองค์ประกอบทั้ง 3 อยู่ในภาวะสมดุลกระทั่งมีปัจจัยส่งผลต่อองค์ประกอบเหล่านี้จนทำให้เสียสมดุลและก่อให้เกิดโรคขึ้น โดยปัจจัยต่าง ๆ อาจเกิดจากชนิด อายุ ปลาที่สุขภาพอ่อนแอ หรือเชื้อโรคที่รุนแรงขึ้นสามารถเพิ่มจำนวนและแพร่เชื้อได้รวดเร็วร่วมกับสภาพแวดล้อมทำให้ปลาเกิดโรค เช่น การเลี้ยงปลาที่ความหนาแน่นจนเกินไปนอกจากทำให้ปลาเครียดและอ่อนแอยังก่อให้เกิดสารอินทรีย์เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและปรสิตได้ (ภาพที่ 2)
อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถเลี้ยงปลาให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปราศจากเชื้อโรคได้เพราะเชื้อมีอยู่ทั่วไปทั้งในน้ำและดิน บางครั้งปัจจัยจากธรรมชาติก็อยู่เหนือการควบคุม เช่น อุณหภูมิน้ำที่สูงขึ้น หรือแม้กระทั่งความผันผวนของค่ากรด-ด่าง (pH) ปริมาณออกซิเจนในน้ำที่ต่ำ ซึ่งมีผลต่อการทำให้สุขภาพปลาอ่อนแอลงและยังทำให้ปริมาณของเชื้อบางชนิดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีการเกิดขึ้นของโรคเนื่องจากการสูญเสียภาวะสมดุลนั้นเอง ในสภาวะที่เสียสมดุลปลาจะปรับตัวเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมใหม่ แต่กระนั้นถึงแม้ปลาจะปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้สำเร็จ การเจริญเติบโต ความสามารถในการสืบพันธุ์ และภูมิคุ้มกันโรคอาจไม่เหมือนเดิม เนื่องจากปลาต้องจัดการกับความเครียดเหล่านั้นเป็นหลัก ซึ่งทำให้เกิดเชื้อโรคตามมา หากสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปมากจนปลาไม่สามารถปรับตัวได้ การตอบสนองต่อความเครียดของปลาจะอ่อนแอลงและทำให้ปลาตายในที่สุด (ภาพที่ 3) เมื่อเริ่มมีการตายของปลาเกิดขึ้น การวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็วนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ต่อการรักษาหรือการควบคุมโรคให้ทันท่วงที ซึ่งการตรวจวินิจฉัยโรคที่ไม่ถูกต้องหรือล่าช้าอาจก่อให้เกิดปัญหารุนแรงตามมาจนท้ายที่สุดอาจทำให้เกิดการตายของปลาทั้งหมด
ภาพที่ 1 องค์ประกอบการเกิดโรค (ดัดแปลงจาก Snieszko, 1974)

ภาพที่ 2 การเลี้ยงปลาแบบความหนาแน่นสูงทำให้ปลาเกิดความเครียด

ภาพที่ 3 ปลาตายจากความเครียดอ่อนแอและเป็นโรค

ดังนั้นผู้เลี้ยงควรให้ความใส่ใจตั้งแต่การคัดเลือกลูกพันธุ์ปลาที่มีคุณภาพ เลี้ยงปลาในปริมาณที่ไม่หนาแน่นจนเกินไป จัดการคุณภาพน้ำให้สะอาดและเหมาะสม ออกซิเจนไม่ต่ำจนเกินไป ลดของเสียในบ่อเพื่อไม่ให้เอื้อต่อการเพิ่มจำนวนของเชื้อโรค ไม่นำเชื้อจากภายนอกเข้าสู่ฟาร์ม เท่านี้ก็สามารถสร้างสมดุลที่จะช่วยให้ปลามีสุขภาพที่แข็งแรงและอยู่ร่วมกับเชื้อโรคที่ปนเปื้อนในน้ำได้โดยไม่ก่อให้เกิดการระบาดของโรค
บทความหน้าเรามาคุยกัน “เรื่องจะรู้ได้อย่างไรว่าปลาของคุณป่วยและจะมีวิธีการจัดการอย่างไรบ้าง”